ยูโร 2024 เปิดฉากขึ้นแล้ว! ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปครั้งนี้จัดขึ้นที่ประเทศเยอรมนี โดยเกมนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่มมีทั้งความมันส์ ความดราม่า และเซอร์ไพรส์เกิดขึ้นหลายคู่
กลุ่ม D เป็นเกมที่เนเธอร์แลนด์ เฉือนชนะ โปแลนด์ไปแบบสุดมัน 2-1 ต้องรอลุ้นประตูชัยจนถึงช่วงท้ายเกม ส่วนกลุ่ม C อังกฤษ ประเดิมสามแต้มแรกด้วยการเอาชนะ เซอร์เบีย 1-0 จากฮีโร่ จูด เบลลิงแฮม ขณะที่ เดนมาร์ก ทำได้แค่เสมอกับ สโลวีเนีย 1-1 จากประตูของ คริสเตียน อีริคเซ่น
ว่าแต่นัดต่อไปจะเป็นอย่างไร เดนมาร์กจะสามารถเก็บชัยชนะในเกมหน้าได้หรือไม่ และอังกฤษจะยังรักษาฟอร์มเก่งเอาไว้ได้อีกนานแค่ไหน แฟน ๆ ชาวไทยห้ามพลาดติดตามชมกันให้ดี มันส์แน่นอน!
1. โปแลนด์ 1 – 2 เนเธอร์แลนด์
(ขอบคุณรูปภาพจาก : Football Highlights)
ฮอลแลนด์เปิดหัวศึกยูโร 2024 ด้วยชัยชนะเหนือโปแลนด์ 2-1 ที่สนามโฟล์คสปาร์คสตาดิโอน เมืองฮัมบูร์ก
(ขอบคุณรูปภาพจาก : CaughtOffside)
โปแลนด์ต้องลงเล่นโดยไม่มี โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวยิงตัวเก่งที่บาดเจ็บ แต่ก็สามารถพังประตูขึ้นนำได้ก่อนจาก อดัม บุคซา ฮอลแลนด์พยายามบุกหนักเพื่อไล่ตีเสมอและมีโอกาสยิงหลายครั้ง ก่อนที่ โคดี้ กัคโป้ จะมายิงประตูตีเสมอได้สำเร็จ
(ขอบคุณรูปภาพจาก : UEFA.com)
หลังจากนั้นเกมส์ค่อนข้างสูสีแต่เป็นฝั่งฮอลแลนด์ที่มีโอกาสมากกว่า จนกระทั่งท้ายเกมนาทีที่ 81 โรนัลด์ คูมัน ส่ง เวาท์ เวกฮอร์สท์ ลงสนาม และเพียงสองนาทีให้หลังเขาก็ซัดประตูชัยให้ทัพอัศวินสีส้มเอาชนะไปได้ 2-1
(ขอบคุณรูปภาพจาก : Marca.com)
นี่ถือเป็นชัยชนะสำคัญของฮอลแลนด์ที่ต้องดวลกับฝรั่งเศสในนัดต่อไป ส่วนโปแลนด์จะพบกับออสเตรีย โดยทั้งสองคู่จะแข่งกันในวันศุกร์นี้ แม้จะแพ้ แต่โปแลนด์ก็แสดงให้เห็นว่าสามารถเล่นได้ดีแม้ไม่มีเลวานดอฟสกี้ โดยคาดว่าเขาจะกลับมาลงสนามได้ในเกมกับออสเตรีย
2. สโลวีเนีย 1 – 1 เดนมาร์ก
(ขอบคุณรูปภาพจาก : Football Highlights)
เดนมาร์กเสมอกับสโลวีเนีย 1-1 ในศึกยูโร 2024 ที่สนามในเมืองสตุตการ์ต ประเทศเยอรมนี
(ขอบคุณรูปภาพจาก : Moldova1.md)
คริสเตียน อีริคเซ่น ยิงประตูให้เดนมาร์กออกนำไปก่อนในนาทีที่ 17 โดยได้รับการหวนกลับมาลงเล่นในศึกยูโรครั้งนี้ หลังจากเคยล้มป่วยในสนามระหว่างแข่งขันยูโร 2021 ครึ่งแรกเป็นเดนมาร์กที่ครองเกมได้เหนือกว่า มีโอกาสทำประตูหลายครั้ง แต่ทำไม่ได้ ส่วนสโลวีเนียมีแฟนบอลที่คอยเชียร์เสียงดังกระหึ่มสนาม
(ขอบคุณรูปภาพจาก : The Sun)
ครึ่งหลังสโลวีเนียเดินหน้าบุกมากขึ้น เบนจามิน เซสโก้ ซัดโดนเสาในช่วง 10 นาทีสุดท้าย ก่อนที่ เอริค ยานซา จะซัดประตูตีเสมอได้สำเร็จในนาทีที่ 77 ช่วงท้ายเกม ทั้งสองทีมต่างผลัดกันรุกเพื่อหวังประตูชัย แต่สุดท้ายก็ไม่มีฝ่ายใดทำได้ ทำให้จบเกมด้วยผลเสมอกันไป 1-1
(ขอบคุณรูปภาพจาก : VAVEL.com)
เกมนัดต่อไป สโลวีเนียจะพบกับเซอร์เบียที่เมืองมิวนิค ส่วนเดนมาร์กจะเจอศึกหนักกับอังกฤษ เต็งแชมป์ของกลุ่ม ที่เมืองแฟรงก์เฟิร์ต ในวันพฤหัสบดีนี้ ผลเสมอนัดนี้ทำให้สถานการณ์ในกลุ่ม C ที่มีทั้งอังกฤษและเซอร์เบียร่วมอยู่ด้วย น่าติดตามและดุเดือดยิ่งขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อเดนมาร์กในการลุ้นแชมป์ หลังจากเคยทำได้ดีสุดถึงรอบรองชนะเลิศเมื่อปี 2021
3. เซอร์เบีย 0 – 1 อังกฤษ
(ขอบคุณรูปภาพจาก : Football Highlights)
ทีมชาติอังกฤษประเดิมศึกยูโร 2024 ด้วยชัยชนะเหนือเซอร์เบีย 1-0 ที่เมืองเกลเซินเคียร์เชิน ประเทศเยอรมนี
(ขอบคุณรูปภาพจาก : beIN SPORTS)
จูด เบลลิงแฮม ดาวดังวัย 20 ปี ที่เพิ่งคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ เรอัล มาดริด เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เป็นฮีโร่ยิงประตูชัยให้ทีมสิงโตคำรามในนาทีที่ 13 จากการโหม่งอย่างเด็ดขาดหลังจังหวะครอสของ บูกาโย ซาก้า ที่โดนบอลเปลี่ยนทาง ครึ่งแรกเป็นฝั่งอังกฤษที่เล่นได้ดีกว่า แต่ครึ่งหลังกลับเล่นแบบระมัดระวังมากขึ้นจนเซอร์เบียเริ่มบุกหนัก จอร์แดน พิคฟอร์ด นายทวารทีมชาติอังกฤษต้องออกแรงเซฟลูกยิงสำคัญของ ดูซาน วลาโฮวิช ในช่วงท้ายเกม
(ขอบคุณรูปภาพจาก : Bayern & Germany)
แฮร์รี่ เคน เกือบบวกสกอร์ที่สองให้อังกฤษจากการโหม่ง แต่ เพรดราก รายโควิช ผู้รักษาประตูเซอร์เบียปัดบอลชนคานอย่างหวุดหวิดก่อนที่เกมส์จบลงด้วยชัยชนะของอังกฤษ แม้ยังต้องปรับปรุงเกมรับ แต่ชัยชนะนัดนี้ก็ทำให้ทัพสิงโตคำรามมีความมั่นใจดีขึ้นก่อนดวลกับเดนมาร์กในเกมนัดต่อไป วันพฤหัสบดีนี้
(ขอบคุณรูปภาพจาก : Al Jazeera)
ขณะที่ฟอร์มอันโดดเด่นของ เบลลิงแฮม ที่แสดงให้เห็นถึงคุณภาพ วุฒิภาวะ และความมั่นใจในตัวเอง สมกับที่ถูกยกให้เป็นความหวังใหม่ของทีมชาติอังกฤษ โดยการเล่นอย่างอิสระในตำแหน่งหมายเลข 10 ทำให้เขาสร้างอิทธิพลและเป็นแกนหลักสำคัญให้ทีม ซึ่งแฟนบอลทีมชาติอังกฤษต่างหวังว่าเขาจะพาทีมไปสู่ความสำเร็จบนเวทียูโรในครั้งนี้
สรุป ผลบอลเมื่อคืน วันที่ 17 มิถุนายน 2567 ศึกฟุตบอลยูโร 2024 ที่ประเทศเยอรมนีเปิดฉากขึ้นอย่างเร้าใจตั้งแต่นัดแรก โดยเกมที่น่าสนใจในกลุ่ม D เนเธอร์แลนด์เฉือนชนะโปแลนด์ 2-1 จากประตูชัยท้ายเกมของเวาท์ เวกฮอร์สท์ ส่วนโปแลนด์แม้ไม่มีซูเปอร์สตาร์อย่างเลวานดอฟสกี้ แต่ก็สู้ได้อย่างสมศักดิ์ศรี ในขณะที่กลุ่ม C อังกฤษชนะเซอร์เบีย 1-0 จากลูกโหม่งของจูด เบลลิงแฮม แนวรุกดาวรุ่งจากเรอัล มาดริด ส่วนเดนมาร์กทำได้เพียงเสมอสโลวีเนีย 1-1 แม้ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจากคริสเตียน อีริคเซ่น แต่โดนตามตีเสมอช่วงท้ายเกม ผลการแข่งขันนัดแรกทำให้สถานการณ์ในทั้งสองกลุ่มเข้มข้นขึ้นอย่างมาก ต้องรอลุ้นกันต่อว่าเกมนัดต่อไปจะเป็นอย่างไร